ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งความล่าตัวมือเกรียนคีย์บอร์ดโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเรื่องจำนวนผู้ติดโควิด และผู้ว่าฯ ติดโควิด ทำให้เกิดความเสียหายต่อจังหวัดเชียงใหม่
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 13 เม.ย. 64 นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกหนังสือด่วนที่สุด ที่ชม. 017.7/11500 มอบหมายให้ นางสาวจริญญา พรหมมา ตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการ กลุ่มงานอำนวยการ สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการนำเอกสาร ซึ่งประกอบด้วย สำเนาภาพบันทึกหน้าจอการโพสต์ข้อความและเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้อง จำนวน 1 ชุด สำเนาบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 2 ฉบับ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
สืบเนื่องด้วยเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2564 ได้ปรากฏกรณีการแชร์คลิปวิดีโอความยาว 12 วินาที ผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์ (Line) และช่องทางออนไลน์อื่น (โดยเป็นการตัดต่อคลิปวิดีโอการแถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังการเข้าตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสนาม ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีข้อความช่วงหนึ่งระบุว่า “. ..น่าจะมีคนที่ติดเชื้อโดยการประเมินน่าจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 6,000 คน” นั้น เป็นการตัดต่อจากคำแถลงฉบับเต็ม ที่ได้มีการกล่าวขี้แจงในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์แล้วว่าเป็นเพียงผู้ที่มีความเสี่ยงจากการสัมผัสผู้ป่วยเท่านั้น
การเผยแพร่คลิปวิดีโอที่มีรายละเอียดของเนื้อหาที่ไม่ครบถ้วนย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนกได้ อีกทั้งเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 20.00 น. ได้ปรากฎกรณีการโพสต์ข้อความลงในเฟสบุ๊กกลุ่ม “จังหวัดเชียงใหม่” โดยผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Nuclaers Atom ความว่า “ผู้ว่าเจียงใหม่ติดเชื้อ Covid-19 ต้องรับวัคซีนด่วน” และมีประชาชนทั่วไปได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าว อีกทั้งมีผู้ใช้เฟสบุ๊กบางรายได้แชร์โพสต์ดังกล่าวไปยังหน้าเฟสบุ๊กของตนเอง รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ การนำเสนอและส่งต่อข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นเท็จและบิดเบือนข้อเท็จจริงในลักษณะดังกล่าวสู่สาธารณะชน ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความสับสนและตื่นตระหนก เข้าข่ายความผิดตามมาตรา 14 (2) แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกทั้งยังเป็นการใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม ซึ่งได้กระทำลงด้วยการเผยแพร่ข้อความลงในแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มเฟสบุ๊กสาธารณะ ตลอดจนสื่อสังคมออนไลน์อื่น อันเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามนัยมาตรา 326 ประกอบมาตรา 328 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ตลอดจนความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
เรื่องมาใหม่
- SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา
- เอไอเอส จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
- อปท.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรับเงิน และการบริหารงานพัสดุ
- กั่นตอ (ขอขมา) รดน้ำดำหัวกำนันตำบลผาบ่อง ผู้นำชุมชน ทั้ง 12 หมู่บ้าน ของตำบลผาบ่อง เข้ากั่นตอ
- แม่สะเรียง ใช้วีธีไฟชนไฟแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง