หอมหัวใหญ่เชียงใหม่ยังราคาสูง กิโลกรัมละ 12 บาท ด้านเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ เตรียมช่วยเหลือเร่งกระจายผลผลิตช่วยเกษตรกร
นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมคณะได้ออกติดตามสถานการณ์การผลิตหอมหัวใหญ่ ปีการผลิต 2561 ที่กำลังออกสู่ตลาดในอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนางกัลยกร สมโน เกษตรอำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมบุคลากรสำนักงานเกษตรอำเภอได้เข้าพบและให้ข้อมูล
พืชตระกูลหอมไม่ว่าจะเป็นหอมหัวใหญ่ หอมแดง กระเทียม นั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าในเขตภาคเหนือจะครองพื้นที่ปลูกมากที่สุดกว่า 50-70 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืชดังกล่าว ซึ่งจะออกสู่ตลาดตั้งเดือนมกราคม – เดือนเมษายน ของทุกปี ซึ่งทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพืชดังกล่าวนั้นก็ต่างรู้ดีว่าจะต้องติดตามสถาณการณ์ตั้งแต่ผลิตจนถึงออกสู่ตลาดอย่างใกล้ชิดรวมถึงสำนักงานเกษตรจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นหน่วยงานหลักที่อยู่ใกล้ชิดกับเกษตรกร
หอมหัวใหญ่ ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ภาพรวมมีพื้นที่ปลูก 6,795 ไร่ ผลผลิต 27,180 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 4.83 เกษตรกรเริ่มปลูกในช่วงเดือน ตุลาคม – ธันวาคม 2560 ปลูกมากที่สุดในเดือนพฤศจิกายน ร้อยละ 58 รองลงมาเดือนธันวาคมร้อยละ 30 เกษตรกรในอำเภอแม่วาง ถือเป็นเกษตรกรแปลงใหญ่ที่มีการปลูกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของจังหวัด รองลงมาคือ อำเภอฝาง และอำเภอสันป่าตอง
การเก็บเกี่ยวนั้น เกษตรกรเริ่มเก็บเกี่ยวในช่วงเดือน ธันวาคม 2560 – เมษายน 2561 เก็บเกี่ยวมากที่สุดในเดือนมกราคม ร้อยละ 45 ของพื้นที่ รองลงมาคือเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 35 ขณะนี้ทำการเก็บเกี่ยวไปแล้วร้อยละ 37 ของพื้นที่ คิดเป็นผลผลิต 10,056 ตัน
สำหรับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรในอนาคต หากผลผลิตทั้ง 3 อำเภอออกมาทั้งหมด ก็จะช่วยวางแผนและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งพาณิชย์จังหวัด และธนาคาร ธกส. รวมถึงหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้ามาช่วยในการกระจายสินค้า และเป็นแหล่งเงินทุนให้กับเกษตรกร และราคาไม่ตกต่ำ อีกทั้งประชาชนจะได้หอมหัวใหญ่ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานจากเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกด้วย
นางกัลยกร สมโนเกษตรอำเภอแม่วาง ให้ข้อมูลว่ามีเกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานเกษตรแม่วางไว้จำนวน 3,500 ไร่ ซึ่งในช่วงนี้ผลผลิตที่อำเภอแม่วางเก็บเกี่ยวไปแล้วจำนวน50%ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 3,500- 4,000 ราคา ณวันที่13 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งมีราคาดังนี้ เบอร์ 0-2 ราคา 12 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์ 3 ราคา 10 บาทต่อกิโลกรัม เบอร์4 ราคา 8 ต่อกิโลกรัม โดยแรงงานที่มาเก็บเกี่ยวตะเป็นแรงงานที่มาจากต่างอำเภอโดยเป็นแรงงานที่มีความชำนาญในการคัดคุณภาพ ณ แปลงปลูกเบื้องต้นโดยอัตราค่าจ้างจะอยู่ที่ประมาณ300-500ร้อยบาทต่อวัน คาดการณ์ว่าเดือนเมษายนจะเก็บเกี่ยวหมดในฤดูกาลนี้
เรื่องมาใหม่
- SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา
- เอไอเอส จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
- อปท.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรับเงิน และการบริหารงานพัสดุ
- กั่นตอ (ขอขมา) รดน้ำดำหัวกำนันตำบลผาบ่อง ผู้นำชุมชน ทั้ง 12 หมู่บ้าน ของตำบลผาบ่อง เข้ากั่นตอ
- แม่สะเรียง ใช้วีธีไฟชนไฟแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง