วันอาทิตย์, 10 พฤศจิกายน 2567

กกต.เชียงใหม่ จับมือ อบจ.เชียงใหม่ นำผู้สมัคร ส.อบจ. และนายก อบจ. จับมือสมานฉันท์ไม่ซื้อสิทธิ ซื้อเสียง

Social Share

9 พ.ย. 63 : ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเชียงใหม่ออคิด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายเกรียงไกร พานดอกไม้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จัดกิจกรรมการเลือกตั้งเชิงสมานฉันท์ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ โดยวันนี้มีผู้สมัครนายก อบจ. 6 ราย ผู้สมัคร ส.อบจ. 140 ราย รวมเป็น 146 ราย บางส่วนไม่ได้มาร่วมกิจกรรมดังกล่าว

โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ทำพันธสัญญาร่วมกันว่าจะไม่ซื้อสิทธิ ซื้อเสียง ไม่กระทำการใส่ร้ายป้ายสีให้ร้ายต่อกัน ไม่นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง และปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งโดยเคร่งครัด ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเชียงใหม่ออคิด โดยมีวิทยากรจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดเชียงใหม่

หลังจากที่เปิดรับสมัครจนถึงสิ้นสุดการสมัคร มีผู้สมัครสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ทั้ง 42 เขต จำนวน 140 คน ผู้สมัครชิงนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 6 คน ลำดับที่ 1 นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร, ลำดับที่ 2 นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์, ลำดับที่ 3 นายวินิจ จินใจ, ลำดับที่ 4 นายบดินทร์ กินาวงค์, ลำดับที่ 5 นายวสันต์ วัชวงษ์ และลำดับที่ 6 นายเฉลิมศักดิ์ สุรนันท์ ซึ่งภายในกิจกรรมยังมีการให้ความรู้ความเข้าใจในการยื่นเกี่ยวกับเรื่องบัญชีทรัพย์สินและค่าใช้จ่ายพร้อมความรู้ในเรื่องด้านกฏหมายเกี่ยวการขออนุญาติการหาเสียงผ่านสื่ออิเลคทรอนิกส์ด้วย และขณะนี้ก็ยังไม่มีเรื่องร้องเรียนใดๆ​ เข้ามา​ซึ่งระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบคุณสมบัติ​ของผู้สมัครทั้งนายก​ อบจ. 6 ​ราย​ และ​ ​ส.อบจ.​140 ราย​ ใน 42​ เขต 25 อำเภอ ที่จะประกาศ​รับรองภายใน​ 13​ พ.ย. นี้

นายเกรียงไกร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับหน่วยเลือกตั้ง เบื้องต้นกำหนดหน่วยเลือกตั้ง รวม 3,068 หน่วย มีเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง 9 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจ (รปภ.) 2 นาย และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อคัดกรองโควิด 1 คน รวมเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย 12 คน/หน่วย รวมเจ้าหน้าที่จัดเลือกตั้งดังกล่าวกว่า 43,000 คน ซึ่งครั้งแรก ตั้งงบจัดเลือกตั้ง 80 ล้านบาท แต่เพิ่มเป็น 116 ล้านบาท เนื่องจากมีหน่วยเลือกตั้งเพิ่ม ตามมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขด้วย