แลนด์มาร์คแห่งใหม่ มทบ.33 ทุ่มงบกว่า 2 แสน ทำซุ้มประตูหัวคิงคองยักษ์สูง 6 เมตร ส่งเสริมการท่องเที่ยว

20 ม.ค. 2562 : พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผบ.มทบ.33 เป็นประธานเปิดซุ้มประตูหัวคิงคองยักษ์ ที่บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.33 รวมถึงนักท่องเที่ยวเข้าร่วมในกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

พล.ต.สาธิต ศรีสุวรรณ ผบ.มทบ.33 กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางมณฑลทหารบกที่ 33 ได้อนุมัติให้ห้วยตึงเฒ่า ทำซุ้มประตูคิงคองนั้น ห้วยตึงเฒ่าได้ดำเนินการสร้างโดยทีมงานจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอิสาน จำนวน 7 นาย ตั้งแต่วันที่ 6 – 18 มกราคม 2562 รวมระยะเวลาในการสร้าง 13 วัน ใช้งบประมาณในการสร้างรวมทั้งการแต่งสวนดอกไม้ ทั้งหมด 195,000 บาท โดยวัสดุที่ใช้ในการสร้างคิงคองครั้งนี้ เป็นโครงเหล็กและสานด้วยไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ทั้งหมด จำนวน 500 ลำ เมื่อไม้ไผ่สะท้อนแสงพระอาทิตย์จะเรืองแสงเป็นสีทองสุกอร่ามสวยงาม ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งเรือง โดยมีความสูง 6 เมตร กว้าง 5 เมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น สามารถเข้าไปภายในหัวคิวคองยัก เพื่อถ่ายภาพกับวิวสวยงามได้ทั้งชั้นบนและชั้นล่าง

สำหรับแนวคิดในการสร้าง ก็เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ขึ้นมา เป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ให้คึกคักมากขึ้น ที่ผ่านมาได้มีการก่อสร้างหุ่นฝางคิงคองยักษ์ และได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม จึงได้สร้างหัวคิงคองเป็นซุ้มประตูขึ้นในครั้งนี้ และมีควาหมายถึง “ประตูสู่ความรุ่งเรือง” เพราะไม้ไผ่จะเป็นสีทอง เมื่อกระทบกับแสงพระอาทิตย์ เมื่อใครได้เดินเข้าไปแล้วจะเจริญรุ่งเรือง และถือว่าเป็นงานศิลป์ เป็นนวัตกรรมใหม่ที่โดดเด่น หาดูได้ยาก หลังจากผ่านซุ้มประตูนี้เข้าไปถึงด้านในก็จะพบกับครอบครัวคิงครอง 3 ตัวที่ทำจากหุ่นฝาง พ่อ แม่ ลูก และยังมีหุ่นฝางหมูป่า ช้าง นก กวาง และกระทิง มีกระท่อมที่จากฝาง เพื่อให้นักท่องเที่ยวหลบร้อน และทุกจุดจะตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดเพื่อความสวยงาม

นอกจากนี้เส้นทางเดินเข้ามาเป็นสะพานไม้ไผ่ หรือทางเหนือเรียกว่า “ขัวแตะ” ที่เป็นการอนุรักษ์อีกมิติหนึ่ง นำความเป็นล้านนามาผสมผสานเข้ากับแนวคิดการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน อีกทั้ง บริเวณโดยรอบก็จะเป็นน้ำ ที่เกือบจะกลายเป็นเกาะ เมื่อนักท่องเที่ยวได้เข้ามาพักผ่อน ก็จะเหมือนหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยวที่แปลกตา และสวยงามกับธรรมชาติ ที่สำคัญยังอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะหลั่งไหลเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น เพราะขณะนี้ยังอยู่ช่วงของไฮซีซั่น และนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการตอบโจทย์เรื่องการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ด้วย