วันอาทิตย์, 5 พฤษภาคม 2567

กรมอุทยานฯ ตรวจสอบถ้ำเชียงดาว กรณีนักท่องเที่ยวโดนเก็บเงินสองต่อ หวั่นกระทบภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

Social Share

จากกรณีที่มีนักท่องเที่ยวรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์เตือนภัยในเว็บบอร์ดชื่อดัง (https://pantip.com/topic/39089678?fbclid=IwAR3a1LOJfXE-E8_Xu0Dd8mjJ1NIG3vCrGD-RWyEGZ2-H8mZWUCpm3ZA5GV0) โดยมีข้อความว่า ได้เข้าไปเที่ยวถ้ำเชียงดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และถูกเก็บเงินสองต่อ บังคับค่าตะเกียง ยืนยันไม่จ่ายห้ามเข้า แถมถูกตามถ่ายภาพทำหมดสนุก เรียกร้องให้หน่วยงานรับผิดชอบตรวจสอบ

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปตรวจดูเพื่อให้เกิดความกระจ่างในเรื่องนี้ ตั้งแต่การเรียกเก็บเงินค่าบริการ รวมไปถึงค่าตะเกียงที่นักท่องเที่ยวได้อ้างถึงเรื่องดังกล่่าว ก่อนจะเข้าไปตรวจสอบภายในถ้ำ จากนั้นก็ได้เรียกคณะกรรมการวัดบ้านถ้ำ รวมไปถึงไกด์นำเที่ยวท้องถิ่น ช่างภาพ และกลุ่มบริการตะเกียง มาประชุมและพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ศาบาอเนกประสงค์วัดบ้านถ้ำ ต.บ้านถ้ำ อ.เชียงดาว เพื่อสอบถามข้อมูล และหาทางออก ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว เนื่องจากถ้ำเชียงดาว เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงาม รวมถึงดอยเชียงดาว ก็มีแหล่งธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวมากมาย จำเป็นต้องเร่งแก้ไข ไม่ให้กระทบเป็นวงกว้าง

ด้าน นายวิสุทธิ์ จรบุรี ปลัดอำเภออาวุโส อำเภอเชียงดาว กล่าวว่า เมื่อมีกระแสในโลกโซเชียลออกมา ทางอำเภอก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบด้านภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่อำเภอเชียงดาว จึงจำเป็นต้องรีบเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดระเบียบใหม่ ทั้งการบริการ และการเก็บค่าบริการ โดยต้องมีการแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบอย่างชัดเจนว่า มาเที่ยวแล้วนักท่องเที่ยวจะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง และต้องให้เป็นมาตรฐานที่ชัดเจน

นายชัยณัฐ สิทธิมล นายกสมาคมท่องเที่ยวอำเภอเชียงดาว กล่าวว่า ผลกระทบที่มีการโพสต์ลงโลกโซเชียล จะส่งผลกระทบแน่นอนด้านการท่องเที่ยวที่จะทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ต้องรีบหาแนวทางแก้ไข ทั้งนี้ ได้ติดป้ายประชาสัมพันธ์และติดป้ายไฟแอลอีดี เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้เข้าใจอย่างชัด

ขณะที่ นายโสภณ บัวเขียว ไวยาวัจกร วัดบ้านถ้ำ เปิดเผยว่า การที่มีนักท่องเที่ยวนำไปโพสต์ในเว็บชื่อดังนั้น อาจจะเป็นการสื่อสารที่คาดเคลื่อนกันระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ ซึ่งการมาเที่ยวที่ถ้ำเชียงดาวนั้น ปกติแล้ว ก็จะมีอัตราการเก็บที่ชัดเจน โดยค่าบริการสำหรับคนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 40 บาท ถ้าหากนนักท่องเที่ยวไม่เข้าถ้ำมืด เช่น “ถ้ำม้า” และ “ถ้ำลับแล” ซึ่งมีระยะทางเดินประมาณ 735 เมตร จะเสียแค่ค่าบริการเข้าชมเท่านั้น

แต่หากนักท่องเที่ยวต้องการเข้าไปชมในส่วนที่มืด ที่เป็นส่วนลึกของถ้ำเชียงดาว หรือตามจุดต่างๆ ที่ต้องใช้แสงไฟ ก็จะมีค่าตะเกียงต่อคณะ จำนวน 5 คน รวมราคา 200 บาท และการถ่ายภาพนั้น ก็แล้วแต่ความสมัครใจของนักท่องเที่ยว ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด

ปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมถ้ำเชียงดาว วันละ 250 คน ภายหลังจากที่มีข้อความโพสต์ลงโลกโซเชียล ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงร้อยละ 50 อย่างเห็นได้ชัดเจน ถือว่ากระทบต่อการภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก และอยากฝากถึงนักท่องเที่ยวที่นำไปโพสต์ และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวชมถ้ำเชียงดาว หากท่านมาเที่ยวแล้ว ไม่พอใจในด้านการทำงานของพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่ ก็สามารถแจ้งร้องเรียนมาได้ที่คณะกรรมการวัดบ้านถ้ำ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะไว้ให้บริการและให้ข้อมูล หรือมาสอบถามข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ก่อนก็ได้

ด้าน เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำกำลังเข้าตรวจสอบตั้งแต่ปากถ้ำจนถึงด้านในถ้ำ พร้อมกับทำการรังวัดถ้ำเชียงดาว เนื่องจากบริเวณปากถ้ำนั้นเป็นแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว และจะมีการจัดระเบียบให้เป็นไปตามกฎกระทรวง โดยปกติแล้วหากในพื้นที่อุทยานฯ ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะเป็นผู้จัดเก็บ แต่สำหรับถ้ำเชียงดาวนั้น การจัดเก็บค่าเข้าชมจะเป็นคณะกรรมการวัดบ้านถ้ำ เป็นผู้จัดเก็บเอง และทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว เพราะถ้ำเชียงดาว ถือเป็นการท่องเที่ยวที่บริหารจัดการด้วยคณะกรรมการวัดบ้านถ้ำ มีชาวบ้าน บ้านถ้ำร้อยละ 80 มาทำงานในที่แห่งนี้ เป็นการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่