วันศุกร์, 26 เมษายน 2567

ส่งจดหมายถึง “บิ๊กป้อม” เครือข่ายประชาชน 4 ลุ่มน้ำ แม่ฮ่องสอน ยืนหนังสือคัดค้านผันน้ำยวมผ่านสบเมย

Social Share

เครือข่ายประชาชน 4 ลุ่มน้ำ แม่ฮ่องสอน ยืนหนังสือขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) ผ่าน อำเภอสบเมย ถึงประวิตร หลังลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

วันที่ 13 มิถุนายน 2565 นายสะท้าน ชีวะวิชัยพงศ์ ตัวแทนเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำยวม-เงา-เมย-สาละวิน พร้อม ตัวแทนพี่น้องประชาชนที่คาดได้รับผลกระทบจากโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล(แนวผันน้ำยวม) ได้เดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อยื่นหนังสือขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) ผ่าน นายจรูญ จินะกัณฑ์ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารการปกครองอำเภอสบเมย ขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) พร้อมกันในวันนี้ ด้าน นายอุดม ก่อนแสงวิจิตร ประธานเครือข่ายองค์กรชุมชนการจัดทรัพยากรธรรมชาติลุ่มน้ำจังหวัดแม่ฮ่องสอน พร้อม ทีมงาน ได้ยื่นหนังสือขอคัดค้านโครงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (แนวผันน้ำยวม) ผ่าน นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายก ให้กับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ซึ่งเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันนี้

ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องให้มีการยุติหรือชะลอโครงการดังกล่าวเนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าไม่มีความโปร่งใส โดยเฉพาะประเด็นกระบวนการจัดรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่ครบถ้วน ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ ไม่มีล่ามแปลภาษาราชการให้เป็นภาษาท้องถิ่นเพื่อให้ชาวบ้านได้เข้าใจและสามารถแลกเปลี่ยนหรือแสดงความคิดเห็นได้ ในรายงานมีการถ่ายภาพกับชาวบ้าน และระบุว่ามีการสัมภาษณ์เชิงลึก ทั้งที่ไม่มีการสัมภาษณ์แต่อย่างใด ในนามชุมชนผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการมองเห็นความไม่ชอบธรรม ความไม่โปร่งใส ความไม่น่าเชื่อถือต่อกระบวนการพัฒนาโครงการและการจัดทำรายงานอีไอเอ พวกเราประชาชนในเขตป่ารอยต่อ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ตาก จ.เชียงใหม่ และ จ.แม่ฮ่องสอน ขอยืนยันคัดค้านโครงการดังกล่าวด้วยเหตุผล 5 ข้อหลักๆ ได้ดังนี้

  1. ชุมชนชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ในพื้นที่ที่มีภูมิลำเนาในป่ารอบต่อ 3 จังหวัด ที่อยู่ในเขตพื้นที่ป่ามีวิถีชีวิตที่พึ่งพาทรัพยากรจากป่าเป็นแหล่งความมั่นคงทางอาหารโดยชุมชนได้ช่วยกันดูแลรักษาป่าต้นน้ำให้มีความอุดมสมบูรณ์มาตลอดหลายชั่วอายุคน แต่โครงการนี้จะทำให้ชาวบ้านต้องสูญเสีย ทั้งที่ดิน บ้านเรือน ที่ทำกิน พื้นที่ทางจิตวิญญาณ พื้นที่ป่าไม้ ป่าต้นน้ำ ลำห้วย และแม่น้ำ ที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนของเรา ซึ่งหากเกิดผลกระทบจากโครงการนี้ จำนวนอย่างน้อย 46 หมู่บ้าน ใน อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อ.สบเมย อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ รวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์การบริหารส่วนตำบลหลายแห่งในพื้นที่ดังกล่าว จึงขอแสดงจุดยืนว่า พวกเราไม่เห็นด้วยและขอคัดค้านการเดินหน้าโครงการดังกล่าว
  2. โครงการนี้ไม่ความจำเป็นในการก่อสร้าง ทั้งนี้ข้ออ้างที่ว่าต้องการผันน้ำจากลุ่มน้ำยวม สาละวิน ไปแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำที่ภาคกลาง(ลุ่มน้ำปิง-เจ้าพระยา) ก็ไม่เป็นความจริงเพราะภาคกลางมีน้ำเพียงพอต่อความต้องการของคนในพื้นที่อยู่แล้ว หากแต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี
  3. โครงการนี้จะมีมูลค่าการลงทุนที่สูงมาก และอาจจะต้องใช้งบประมาณของรัฐร่วมลงทุนกับเอกชน ซึ่งอาจไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจจากผลประโยชน์ด้านการเกษตรและชลประทานที่จะได้รับอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง อาจเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่เกิดประโยชน์สาธารณะและจะเป็นการสร้างภาระหนี้ระยะยาวให้กับประเทศ
  4. มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นผู้จัดทำรายงาน EIA และบริษัท ปัญญา คอนซัลแทนต์ จำกัด ที่กรมชลประทานว่าจ้างให้ศึกษาวิเคราะห์โครงการฯ เป็นการดำเนินการที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ ประชาชนหรือชุมชนในพื้นที่ก็ไม่ให้การยอมรับ และมีแนวโน้มว่า การทำรายงานดังกล่าว เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กรมชลประทานในการก่อสร้างโครงการฯ มากกว่ารับฟังความต้องการและความเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง และน่าจะเป็นการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 หลายมาตรา
  5. พวกเราในนามเครือข่ายฯ ได้ร่วมกับขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ หรือ ขปส.) ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลเพื่อคัดค้านโครงการนี้มาโดยตลอด โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 246//2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ลงวันที่ 12 กันยายน 2562 และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 269/2563 เรื่อง แก้ไขปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ลงวันที่ 14 กันยายน 2562 นั้น ซึ่งการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ครั้งที่ 2/2565 เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 กรณีโครงการผันน้ำยวมนั้น ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบจากโครงการผันน้ำแม่ยวม เพื่อศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบของโครงการผันน้ำแม่ยวม และกรณีการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเขื่อนภูมิพล (ตามแนวผันน้ำยวม) ในพื้นที่จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน และเชียงใหม่ เสนอแนะแนวทางทั้งความเหมาะสมและการแก้ไขปัญหาผลกระทบของโครงการผันน้ำแม่ยวม เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในลุ่มน้ำยวม เงา เมย สาละวิน และรายงานผลการศึกษา ปัญหา อุปสรรคและข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของ ขปส. ตามที่อ้างถึง

โดยทาง คณะพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี / ประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติและประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พร้อม คณะ ได้ ลงพื้นที่ตรวจราชการและมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมทั้งมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ณ สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน