จัดยิ่งใหญ่ประกวดควายเชียงราย ศิลปินดังวาดลวดลายบนควายเผือก เคยร่วมละครมนต์รักลูกทุ่ง
วันนี้ (25 ม.ค.) ที่สนามหญ้าข้างหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย นายบุญศิลป์ วรินทรักษ์ ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมประกวดควายงามเมืองเชียราย ครั้งที่ 2 ระหว่างวันี่ 25-26 ม.ค.นี้ โดย นายพืชผล น้อยนาฝาย ปศุสัตว์เขต 5 นายบุญส่ง ตินารี นายอำเภอเมืองเชียงราย นำเจ้าของและผู้ประกอบการเลี้ยงกระบือหรือควายจากทั่วประเทศนำควายเข้าร่วมประกวดกว่า 66 รุ่น รวมมูลค่าควายที่นำเข้าร่วมรายการไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท โดยมีควายชื่อดังทั้งเข้าร่วมแสดงตัวและประกวดสำคัญๆ หลายตัว เช่น โก้เมืองเพชรซึ่งเป็นควายเผือกใหญ่ที่สุดในโลกจากวนาสุวรรณฟาร์ม,ช้างภูแลแชมป์ควายงามระดับประเทศ รุ่นควายดำ เพศผู้ ฟันน้ำนมสูงเกิน 140 ซ.ม.,ชนะเลิศการประกวดควายงามล้านนา รุ่น ควายดำ เพศผู้ ฟันน้ำนมซีเนียร์ ความสูงเกิน 140 เซ็นติเมตร จากฟาร์มเดียวกัน เป็นต้น
ที่ปรึกษา รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า จากการได้เห็นไปเห็นทั้งเรื่องสถานที่และอื่นๆ พบว่าวงการประกวดควายถือว่ามีความพร้อมและจัดได้สมบูรณ์แบบเป็นอย่างมาก จึงคาดหวังว่าจะมีการจัดการประกวดในลักษณะเช่นนี้ต่อๆ ไปอีก และนายอำเภอเมืองเชียงรายระบุว่าที่ผ่านมาการซื้อขายควายถือว่ามีราคาไม่แพงและในการชำแหละจำหน่ายก็มีราคากิโลกรัมละเพียง 60 บาท ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ดีที่มีการพัฒนาควายไทยให้มีมูลค่ามากเช่นนี้ต่อไป
ด้าน นายอุดร ทองอินทร์ ประธานกลุ่มผู้เลี้ยงควายและพัฒนาควายล้านนา และเจ้าของอุดรฟร์ม อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าตนเป็นคนแรกที่นำควายชื่อ “ทองอัศวิน” จากภาคเหนือไปส่งประกวดที่ภูมิภาคอื่นคือที่ จ.สกลนคร ในงานกระบือแห่งชาติในปี 2566 และคว้าแชมป์มาได้ในรุ่นฟันน้ำนมอายุ 2 ปีกว่า ต่อมาคว้ารางวัลอีก 6-7 รายการ กระทั่งปัจจุบันมีอายุ 3 ปี 9 เดือน สำหรับครั้งนี้ก็มาร่วมประกวดที่ จ.เชียงราย เพระถือว่าตัวเราเป็นรายแรกๆ ที่ทำฟาร์มและพัฒนาควายจนนำไปประกวดทั่วประเทศ
นายอุดร กล่าวอีกว่าปัจจุบันตนเห็นว่าวงการในภาคเหนือเติบโตขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่มีการรวมตัวกัน มีมูลค่าการซื้อครั้งละหลาย 10 ล้านบาท เพราะมีการซื้อขายแบบไม่ได้เปิดเผยออกสื่อบางครั้ง 10-20 ล้านบาทก็มี กระทั่งมาพบเจอกันในงานประกวดดังกล่าว ทั้งนี้ในงานมนต์เสน่ห์ควายไทยเชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม ครั้งที่ 3 ที่ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 14-15 ธ.ค.2567 ก็มีการซื้อขายกันเป็นวงเงินกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งที่ จ.เชียงราย ในครั้งนี้ตนก็คาดว่าน่าจะเหมือนกันเพราะผู้จัดมีความตั้งใจเป็นอย่างมาก
พ่อเลี้ยงเจ วนาสุวรรณ จากวนาสุวรรณฟาร์ม กล่าวว่านับเป็นการประกวดในงานมหกรรมควายงามเมืองเชียงรายครั้งที่ 2 เพราะครั้งแรกจัดที่หนองหลวง อ.เวียงเชัย จ.เชียงราย รูปแบบคือนำควายและดึงจุดเด่นของเมืองเชียงรายคือความเป็นเมืองศิลปะเข้ามาโดยได้รับความร่วมมือจากสมาคมขวศิลปะ ด้วยหวังจะให้เป็นซอร์ฟเพาวเวอร์ในการยกระดับควายไทยโดยนำควายมาจัดแสดงให้ผู้คนเห็นแทนที่จะไปอยู่ในห้วยหนองคลองบึงเท่านั้น จุดเด่นของงานคือการเพ้นท์ควายโดยศิลปิน การจัดแสดงควายพ่อพันธุ์จากทั่วประเทศไทยตัวหนึ่งมีมูลค่าหลายล้านบาท มีการประกวดควายเพื่อให้ได้รับรู้กันว่าควายไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจดีและมีความสวยงามโดยกำลังเป็นที่สนใจของชาวโลก ช่วงเย็นมีวงดนตรีวง “นางแล 7” ที่โด่งดังที่สุดของเชียงรายลักษณะเป็นกึ่งๆ งานเฟสติวัลในช่วงเย็น
พ่อเลี้ยงเจ กล่าวอีกว่าปัจจุบันวงการควายไทยคึกคักขึ้นจากเดิมมีเพียงภายในประเทศไทยแต่ได้มีคนจากต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฯลฯ เข้ามาดูตามที่ต่างๆ ตนเคยคุยกับอุตสาหกรรมปลาคาร์ฟก็ได้รับคำแนะนำว่าให้จัดการประกวดควายให้มากๆ ตามชุมชนทั้งนอกเมืองและในเมืองซึ่งจะดึงดูดคนเข้ามาเอง รวมถึงการใช้สื่อสาธารณะหรือโซเซียลมีเดียร์ที่คนดูทั่วโลกเป็น 100 ล้านวิวทำให้ได้รับความนิยม ความคาดหวังจึงอยากให้ควายไทยเป็นซอร์ฟเพาเวอร์ที่รู้จักทั้งชาวไทยและทั่วโลก ทั้งทำให้เกิดการเพิ่มมูลค่า เช่น ตอนที่ตนซื้อโก้เมืองเพชรมาทำให้ราคาควายเผือกสูงขึ้น หรือควายแคระที่เดิมไม่เป็นที่นิยมราคาตัวละ 20,000-30,000 บา แต่ปัจจุบันตัวดีๆ ราคาหลักล้านบาทแล้ว ฯลฯ จึงเชิญชวนให้ไปชมงานกันได้ระหว่างวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สำหรับวนาสุวรรณฟาร์มในปีนี้จัดส่งเข้ามาร่วมงานหลายตัว คือ โก้เมืองเพชร,ลูกของโก้เมืองเพชรคือโก้สยาม,ช้างนาแล,และแกรนด์แชมป์จากภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ คือ ช้างภูแล ซึ่งการประกวดไม่ได้หนักใจว่าจะชนะหรือไม่โดยขอให้เกิดกระแสขึ้นมาก็พอภายในงานจะมีการส่งมอบควายในราคาหลักล้านกันด้วย
ขณะเดียวกัน ศิลปินจากสมาคมขัวศิลปะ จ.เชียงราย นำโดย อาจารย์นักปราชญ์ อุทธโยธา และคณะได้ทำการวาดหรือเพ้นท์สีเป็นลวดลายศิลปะที่บ่งบงถึงความเป็นลานนาเชียงรายลงบนตัวของ “โก้เมืองเพชร” ซึ่งเป็นกระบือหรือควายเผือกที่ใหญ่ที่สุดในโลก อายุ 5 ปี 8 เดือนจากวนาสุวรรณฟาร์ม โดยลวดลายที่ศิลปินทำการเพ้นท์เป็นรูป “แมงสี่หูห้าตา” ซึ่งเป็นสัตว์ในตำนานล้านนาและเมื่อนำไปจัดแสดงภายในงานสร้างความสนใจต่อผู้ไปร่วมงานเป็นอย่างมากเพราะนอกจากลำตัวของโก้เมืองเพชรจะใหญ่โตยังมีงานศิลปะบนตัวให้ดูชมอีกด้วย
สาเหตุที่มีการเลือกเพ้นท์ลวดลายบนโก้เมืองเพชรเพราะเป็นควายเผือกขนาดใหญ่ที่สุดโดยยังไม่มีตัวใดเอาชนะได้ โดยเป็นเพศผู้สูงถึง 175 ซ.ม.น้ำหนัก 1,500 กิโลกรัม มีลักษณะเด่นคือเป็นพ่อพันธุ์ควายเผือกยักษ์ กระดูกใหญ่ กระบาลเขาใหญ่ หลังตรง ท้ายเต็ม เล็บกะลาหนาสั้น ให้ลูกได้ดี มีราคาซื้อขายล่าสุดสู่วนาสุวรรณฟาร์มกว่า 18 ล้านบาท หลังชนะเลิศมาแล้วหลายรายการ เช่น ชนะเลิศควายยักษ์เพศผู้รวมสีในงานมนต์เสน่ห์ควายไทยที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือน ธ.ค.2567,ชนะเลิศควายเลือกยักษ์เพศผู้ในงานควายงาม ควายยักษ์ ชิงแชมป์โลกครั้งที่ 1 จ.อุดรธานี เมื่อเดือน เม.ย.2567 เคยเข้าไปพบนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีภายในทำเนียบรัฐบาล เคยร่วมแสดงละครมนต์รักลูกทุ่ง ฯลฯ ปัจจุบันมีค่าผสมพันธุ์จริงรับประกัน 3 ครั้ง มูลค่า 30,000 บาท และขายน้ำเชื้อหลอกละ 1,000 บาท ชุด 12 หลอดลดราคาเหลือ 10,000 บาท ครั้งนี้ได้เข้าร่วมประกวดรุ่นพิเศษภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัด และระดับประเทศในรายการควายยักษ์ ฟันแท้ เพศผู้ (รวมสี)
อาจาย์นักปราชญ์ กล่าวว่าตามปกติศิลปินจะเพ้นท์ภาพบนพื้นปกติแต่ครั้งนี้นำมาเพ้นท์บนตัวควายซึ่งปกติจะไม่อยู่นิ่งจึงต้องอาศัยความชำนญในการเพ้นท์ รูปแบบการทำลวดลายก็จะไม่ทำให้ซับซ้อนมากนักเพราะใช้เวลาไม่นานมากนัก ส่วนศิลปะจะใช้เอกลักษณ์ของเมืองเชียงรายไปเพ้นท์ลงในตัวควาย เช่น แมงสี่หูห้าตา บ้านดำ วัดขาว ฯลฯ ใช้ลายเส้นและโทนแบบสักเพื่อชูอัตลักษณ์ของเมืองเชียงรายว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะอย่างแท้จริง
เรื่องมาใหม่
- กอ.รมน.จังหวัดเชียงราย จัดหลักสูตรการพัฒนาเมืองเชียงรายให้มั่นคง เจริญในทุกมิติ
- ทุเรียนแม่ฮ่องสอน อร่อยไม่แพ้ที่ใด ไม่ใช่มีแค่ลูกสองลูกแต่มีเป็นตัน ททท.แม่ฮ่องสอน ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว เร่งผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร
- มูลนิธิพิพัฒน์แม่ส่องสอน มอบทุนการศึกษาให้กับบุตรสมาชิกอาสารักษาดินแดน จังหวัดแม่ฮ่องสอน ประจำปี2568
- แม่ฮ่องสอน พัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวบ้านรักไทยให้เป็นไปตามแนวทางกฎหมาย มีความปลอดภัย เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ
- แม่ฮ่องสอน ไม่มีสายการบินแล้ว หลังบางกอกแอร์เวย์ (Bangkok Airways ) หยุดบิน ไม่ส่งผลกระทบท่องเที่ยวมากนัก