เลี้ยงกล้วยไม้พืชใบเลี้ยงเดี่ยวเหมือนหญ้าแต่กลับสร้างมูลค่ากับอาชีพหลังเกษียณปี 2 – 3 แสนบาท
ช่วงเช้าวันที่ (16 ก.พ. 61) นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่เยี่ยม สวนกล้วยไม้บ้านบุษบา ที่มีเกษตรกรนายสถิต โพธิ์แต่ง หนึ่งในคณะกรรมการชมรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายประสิทธิ์ สินธุปี รักษาการแทนเกษตรอำเภอหางดง ร่วมให้ข้อมูล ต.หนองแก๋ว อ.หางดงจงเชียงใหม่
จากคำขวัญจังหวัดเชียงใหม่ “ดอยสุเทพเป็นศรี ประเพณีเป็นสง่า บุปผชาติล้วนงามตา งามล้ำค่านครพิงค์” นั้น ได้สะท้อนให้เห็นถึงความงดงาม ความเด่นสง่า ความล้ำค่า และความเลื่องลือในหลายๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นประเพณีวัฒนธรรม ดอกไม้นานาพันธุ์ อย่างที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นได้จัดงานไม้ดอกไม้ประดับในช่วงเดือนกุมภาพันธุ์เป็นประจำทุกๆ ปี มีกิจกรรมหลากหลายเป็นที่ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวและยังเป็นวิธีสนับสนุนเกษตรกร ผู้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายประเภท และหนึ่งในนั้น ก็คือ “กล้วยไม้”
นายสมพล แสนคำ เกษตรจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวถึงกล้วยไม้ว่าเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวพวกเดี่ยวกับหญ้า ลักษณะข้อปล้องอวบน้ำ ในวงศ์ Orchidaceae เป็นไม้ตัดดอกยอดนิยม เนื่องจากมีลักษณะดอกและสีสันลวดลายสวยงาม เป็นไม้ตัดดอกที่มีอายุการใช้งานได้นาน กล้วยไม้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญของไทย เพราะเป็นไม้ส่งออกขายต่างประเทศทำรายได้เข้า ประเทศปีละหลายพันล้านบาท แหล่งเพาะเลี้ยงใหญ่จะอยู่แถบภาคกลาง มีการปลูกเลี้ยงอย่างครบวงจร ตั้งแต่การผสมเกสร เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เลี้ยงลูกกล้วยไม้ เลี้ยงต้นกล้วยไม้จนกระทั่งให้ดอก
ดังตัวอย่าง ณ สวนบ้านบุษบา ที่มีเกษตรกร นายสถิต โพธิ์แต่ง หนึ่งในคณะกรรมการชมรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่, smart farmer ที่เพาะเลี้ยงกล้วยไม้ 6 สกุลบนพื้นที่ 2 ไร่ เช่น ช้าง แวนด้า แคทรียา รวมถึงกล้วยไม้พื้นเมืองเป็นต้นโดยเริ่มตั้งแต่ปี 2538 ควบคู่กับอาชีพหลักจนกระทั่งเกษียณสามารถทำรายได้ปีละประมาณ 250,000 – 300,000 ที่อาศัยการผสมพันธุ์ และเพาะบนอาหารวุ้น ใส่ขวดและนำจำหน่ายในหลายๆ ช่วงอายุ มีทั้งขายทั้งขวดในราคา 300 บาทจะมีผู้ประกอบการสั่งจากต่างจังหวัดเพื่อเลี้ยงจำหน่ายต่อไปส่วนขายแบบกระถาง มีตั้งแต่ราคา 300-500 บาท
ถ้าเป็นทรงดอกสวยๆ ก็จะราคาสูง ส่วนการตัดดอกจำหน่ายโดยในราคาช่อละประมาณ 40-60 บาท ส่วนอุปสรรคในการเลี้ยงกล้วยไม้นั้น จะอยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่ต้องผจญกับพวกเชื้อรา และนก เจ้าของสวนยังบอกอีกว่าการที่จะเลี้ยงกล้วยไม้ต้องมีใจรัก เพราะต้องอยู่กับมันตลอดเวลาทุกขั้นตอนและระยะเวลาตั้งแต่เพาะจนกระทั่ง เห็นดอกนั้นก็ต้องใช้เวลาเกือบ 5 ปี และสนใจพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้ให้มีคุณภาพต่อไปมากกว่าเน้นปริมาณ เพราะการซื้อขายนั้นไม่ว่าแบบใดไม่ว่าเพื่อการส่งออกหรือไม่ส่วนใหญ่จะใช้ความเชื่อมั่นในคุณภาพ ชื่อเสียงของแต่ละสวนเองซึ่งจะทำให้วงการผลิตกล้วยไม้อยูได้พัฒนาได้อย่างยั่งยืน
เรื่องมาใหม่
- SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา
- เอไอเอส จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
- อปท.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรับเงิน และการบริหารงานพัสดุ
- กั่นตอ (ขอขมา) รดน้ำดำหัวกำนันตำบลผาบ่อง ผู้นำชุมชน ทั้ง 12 หมู่บ้าน ของตำบลผาบ่อง เข้ากั่นตอ
- แม่สะเรียง ใช้วีธีไฟชนไฟแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง