กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ชี้สงครามไอที ทางอเมริกาทำผิดกฎการค้าไม่เคารพการแข่งขัน และไม่เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ขณะที่เชื่อมั่นว่าจีนไม่ได้รับผลกระทบ การเติบโตทางเศรษฐกิจยังสูง
24 พ.ค. 62 : นายเหริน ยี่เซิง กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงกระแสเรื่องหัวเว่ย กับสหรัฐอเมริกาว่า สงครามการค้าระหว่างจีนกับอเมริกา ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มโหราฬเลยทีเดียว และเป็นข้อตกลงที่ทางอเมริกาทำขึ้นมาเพื่อปกป้องตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหัวเว่ย และโดรนอากาศยานไร้คนขับ เรียกได้ว่าเป็นสงครามเย็นทางเทคโนโลยี ทั้งหมดที่อเมริกาทำ ก็เพื่อปกป้องตนเอง ทางจีนมองว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้น ประโยชน์นั้นแทบไม่มีเลย แต่เกิดผลเสียมากกว่าด้วย
นอกจากทำให้ผู้อื่นรำคาญแล้ว ตนเองก็ไม่ได้รับผลดีอีกด้วย ซึ่งทางอเมริกา มีผู้ประกอบการประมาณ 170 รายไปขอให้รัฐบาลยกเลิกการขึ้นภาษี เพราะว่าบริษัทฯ เขาได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
ผมก็เคยไปเรียนที่อเมริกา มา 6 ปี แล้วก็เรียนภาษาอังกฤษมา ก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของอเมริกา ซึ่งเขาจะเน้นเรื่องการแข่งขันด้วยความยุติธรรม แต่สิ่งที่เขาทำมาตอนนี้ และสร้างกำแพงมาในตอนนี้ ถือว่าผิดหลักการตลาด เขาทำขึ้นมาเพราะยังไม่ชินกับการที่จีนพัฒนาเร็วเกินไป ตอนนี้จีนมี 13.7 ล้านล้านเสียง และนักวิชาการคาดการณ์ว่า ภายใน 10 ปี จีนมีสิทธิที่จะก้าวข้ามอเมริกาด้วย ก็มีท่านทูตจีนท่านหนึ่งก็เคยกล่าวว่า การแข่งขันระหว่างจีนกับอเมริกา เหมือนกับการแข่งขันกีฬาวิ่ง คือ ต้องแข่งขันด้วยความเป็นมิตรภาพไม่ใช่กีดกัน และใส่ร้ายกัน ถือว่าผิดกฎใหญ่ของการแข่งขัน
กงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต ไม่ว่าทางอเมริกาจะกีดกันหรือกดดันอย่างไร ค่า GDP ก็เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 6.0 – 6.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และเทคโนโลยีของหัวเว่ย 5G เราก็นำบริษัทฯ ของเขา 2 – 3 แห่งในด้านเทคโนโลยี 5G
สำหรับข่าวสารที่บอกว่าทางอเมริกาจะยกเลิกการส่งไมโครซิม (Micro Sim) ให้กับทางหัวเว่ย ยังเป็นแค่ข่าวลือ เพราะตอนนี้ยังร่วมมือกันอยู่
ทางจีนนั้นมีการค้าภายในประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ และเรื่องการนำเข้ามีเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ ถ้าหากทางจีนลดการส่งออก ที่จริงก็ไม่ได้สำคัญมากต่อความต้องการภายในของประเทศ
ขณะที่ทางกระทรวงพาณิชย์ของไทย ก็เคยออกมาบอกว่า ภายใต้ภาวะสงคราม ทำให้ราคาน้ำมันลดลง ความสามารถทางการบริโภคของลูกค้าลดลง ประเทศไทยอาจจะมีการนำเข้าสูง อาจจะมีการนำเข้าลดลง
ความร่วมมือจีนและอาเซียน ก็พัฒนามาโดยตลอด อย่างปี 2018 มีมูลค่าทางการค้ามากถึง 587,870 ล้านเหรียญ ในปี 2030 ก็พยายามจะลดเรื่องของกลุ่มอนุรักษ์นิยม และพยายามจะเชื่อมต่อข้อมูลข่าวสารระหว่างกัน ภายใต้กรอบระหว่างจีนและอาเซียน ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและประชาชน รวมถึงด้านต่างๆ โดยจะเน้นเชื่อมโยงทางระบบโลจิสติกส์ ทางด้านการค้า พลังงาน การศึกษา และวัฒนธรรม ซึ่งในปี 2019 ก็จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
เรื่องมาใหม่
- SUN และ EXE มอบอาหารช่วยผู้ลี้ภัยชายแดนเมียนมา
- เอไอเอส จับมือ กสทช. ดูแลผู้พิการรอบด้าน ตอกย้ำดิจิทัลเป็นหัวใจการสร้างความเท่าเทียมแก่ทุกกลุ่ม
- อปท.ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน สร้างความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยการรับเงิน และการบริหารงานพัสดุ
- กั่นตอ (ขอขมา) รดน้ำดำหัวกำนันตำบลผาบ่อง ผู้นำชุมชน ทั้ง 12 หมู่บ้าน ของตำบลผาบ่อง เข้ากั่นตอ
- แม่สะเรียง ใช้วีธีไฟชนไฟแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง