วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

วีเอ็มแวร์เปิดตัวเทคโนโลยี 5G และ Edge ผลักดันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ศักราชใหม่ด้วยระบบ Cloud ที่มีประสิทธิภาพ

17 ก.ย. 2020
868
Social Share

วีเอ็มแวร์เปิดตัวเทคโนโลยี 5G และ Edge สุดล้ำ ผลักดัน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้สู่ศักราชใหม่ของการขับเคลื่อนโดยนวัตกรรม โซลูชั่น 5G Telco Cloud รองรับ Cloud Native หนุนภาคธุรกิจให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น ภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นคลาวด์และโมบายล์ในภูมิภาคนี้

 

สิงคโปร์, 17 กันยายน 2563 – บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) เปิดตัว 5G Telco Cloud Platform ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพแก่ผู้ให้บริการสื่อสาร (Communication Service Provider – CSP) เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ทั้งนี้ 5G Telco Cloud Platform ของวีเอ็มแวร์เป็นโซลูชั่นที่เน้นใช้งานระบบคลาวด์ ขับเคลื่อนด้วยโครงสร้างพื้นฐานแบบคลาวด์เนทีฟที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในระดับผู้ให้บริการโทรคมนาคม ช่วยให้ CSP สามารถรองรับการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีแห่งอนาคต ครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค

เป็นที่คาดการณ์ว่าระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2568[1] ด้วยเหตุนี้องค์กรต่างๆ ในภูมิภาคจึงเดินหน้าดำเนินการปรับเปลี่ยนองค์กรสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางธุรกิจ ควบคู่ไปกับการปรับตัวให้สอดรับกับความต้องการของลูกค้าซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการใช้งานระบบคลาวด์และโมบายเฟิร์สเพิ่มมากขึ้น  เนื่องจากองค์กรธุรกิจต่างๆ คาดหวังว่า 5G จะช่วยกระตุ้นการเติบโต ดังนั้น CSP ในภูมิภาคนี้จึงต้องการเครือข่ายที่ผ่านการพิสูจน์การใช้งานจริงและขับเคลื่อนด้วยระบบคลาวด์ที่ทันสมัย มอบความเร็วและความคล่องตัวพร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และคุณภาพในระดับผู้ให้บริการโทรคมนาคม  แพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ที่ของวีเอ็มแวร์ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการเปิดใช้งานเครือข่าย 5G ทั้งยังช่วยให้ CSP สามารถปรับใช้หลักการแบบCloud Nativeและนำเสนอแอปพลิเคชันและบริการที่แปลกใหม่ออกสู่ตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นจากองค์กรธุรกิจในภูมิภาคนี้

มร. ซันเจย์ เค. เดชมุคห์ รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเกาหลี วีเอ็มแวร์ กล่าวว่า “วีเอ็มแวร์มุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมเทคโนโลยีคลาวด์สำหรับบริการโทรคมนาคมและระบบประมวลผล Edge เพื่อแก้ไขปัญหาท้าทายที่ลูกค้าต้องเผชิญในปัจจุบัน และช่วยให้ลูกค้าได้รับประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจในอนาคต Telco Cloud Platform ของวีเอ็มแวร์รองรับเทคโนโลยีแบบCloud Nativeดังนั้น CSP จึงสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้รวดเร็วมากขึ้น เพื่อนำเสนอแอปพลิเคชั่นและบริการใหม่ๆ ลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินงาน และประหยัดค่าใช้จ่ายโดยรวมในการดูแลรักษาระบบ จึงช่วยให้สามารถเปิดใช้งานเครือข่าย 5G ได้รวดเร็วมากขึ้น และผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

Telco Cloud Platform ของวีเอ็มแวร์ผสานรวม VMware Telco Cloud Infrastructure เป็นวิวัฒนาการล่าสุดของโซลูชั่น vCloud NFV และ VMware Telco Cloud Automation ซึ่งเป็นระบบงานอัตโนมัติสำหรับการผนวกรวมระบบแบบมัลติโดเมน Telco Cloud Platform พร้อมรองรับ 5G โดยได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ CSP สามารถปรับใช้เทคโนโลยีแบบCloud Nativeและนำเสนอแอปพลิเคชั่นและบริการบนโครงสร้างพื้นฐานมัลติคลาวด์  เนื่องจาก CSP มีการพัฒนาเปลี่ยนย้ายจากเครือข่าย NFV ไปสู่เครือข่ายแบบคลาวด์เนทีฟที่ใช้คอนเทนเนอร์ ดังนั้นวีเอ็มแวร์จึงได้พัฒนาโซลูชั่น VMware vCloud NFV ไปเป็น Telco Cloud Infrastructure ซึ่งจะช่วยให้ CSP ได้รับแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่มีความสอดคล้องกันสำหรับทั้ง Virtual Network Function (VNF) และ Cloud Native Network Function (CNF) โดยครอบคลุมเครือข่ายทั้งหมดของผู้ให้บริการโทรคมนาคม  Telco Cloud Infrastructure ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการนำเสนอบริการเครือข่าย โดยมีการปรับปรุงเทคโนโลยีสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมโดยเฉพาะ ทั้งยังรองรับระบบคลาวด์แบบกระจาย (Distributed Cloud) และสามารถปรับขนาดได้อย่างยืดหยุ่น และให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ในองค์กร ส่วนปรับปรุงที่มุ่งเน้นการใช้งานด้านโทรคมนาคมเหล่านี้จะช่วยให้ CSP ได้รับความเร็วและความคล่องตัวในระดับเว็บ พร้อมด้วยประสิทธิภาพ ความยืดหยุ่น และคุณภาพในระดับผู้ให้บริการโทรคมนาคม

Telco Cloud Automation ของวีเอ็มแวร์บูรณาการเข้ากับ Telco Cloud Infrastructure โดยทำหน้าที่จัดการฟังก์ชั่นและบริการต่างๆ โดยอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการดำเนินงานและเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการ ควบคู่ไปกับการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ Telco Cloud Automation ยังรองรับการจัดการแบบอัตโนมัติสำหรับโครงสร้างพื้นฐานและคอนเทนเนอร์ในรูปแบบบริการ (Containers-as-a-Service – CaaS) จึงช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการกำหนดเวิร์กโหลด และการจัดสรรทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานอย่างเหมาะสม  ยิ่งไปกว่านั้น ยังเพิ่มความสะดวกในการขยายเครือข่าย 5G และเครือข่าย Edge ของผู้ให้บริการโทรคมนาคม ด้วยการตั้งค่าการเชื่อมต่อแบบอัตโนมัติ (Zero-Touch Provisioning – ZTP) เมื่อต้องการขยายขีดความสามารถ

เพื่อให้ CSP ปรับใช้ฟังก์ชั่นและบริการเครือข่ายได้รวดเร็วมากขึ้น ล่าสุดวีเอ็มแวร์จึงได้ขยายโครงการ Ready for Telco Cloud เพื่อเพิ่มเติมการสนับสนุนสำหรับ VMware Telco Cloud Automation  และพร้อมกันกับการเปิดตัว VMware Telco Cloud Platform วีเอ็มแวร์ได้ขยายโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับใช้ฟังก์ชั่นเครือข่ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยขอบเขตของโครงการนี้ขยายไปสู่ฟังก์ชั่นเครือข่ายที่ใช้คอนเทนเนอร์ รวมไปถึงเวิร์กโหลดบนระบบคลาวด์เนทีฟของวีเอ็มแวร์ และระบบงานอัตโนมัติที่เกี่ยวข้อง  ทั้งนี้ CSP จะมั่นใจได้ว่าฟังก์ชั่นเครือข่ายที่ผ่านการรับรองจะสามารถติดตั้งใช้งานบน VMware Telco Cloud Platform ได้อย่างฉับไวมากขึ้น ทั้งยังช่วยให้ CSP สร้างรายได้จากบริการได้อย่างรวดเร็ว  จนถึงปัจจุบัน มีพาร์ทเนอร์กว่า 35 รายที่ได้รับใบรับรองกว่า 180 รายการภายใต้โครงการนี้

พร้อมกันนี้ วีเอ็มแวร์ได้เปิดตัว Telco Cloud Operations ซึ่งเป็นโซลูชั่นการตรวจสอบรับรองโดยอัตโนมัติในแบบเรียลไทม์ ซึ่งออกแบบเป็นพิเศษเพื่อลดปัญหาช่องว่างระหว่างเครือข่ายเสมือนจริงและเครือข่ายทางกายภาพ  โซลูชั่นนี้รองรับการตรวจสอบอย่างรอบด้านและการจัดการประสิทธิภาพบนหลายๆ เลเยอร์ของเครือข่าย รวมไปถึง SD-WAN จึงช่วยให้สามารถกลั่นกรองข้อมูลเชิงลึกได้อย่างรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการให้บริการแก่ลูกค้า  นอกจากนี้ยังบูรณาการระบบวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพและแดชบอร์ดการรายงานที่ชัดเจนสำหรับการตรวจสอบเชิงรุก และยังเสริมสร้างขีดความสามารถด้วยโซลูชั่น Uhana จากวีเอ็มแวร์ ซึ่งรองรับการทำงานอัตโนมัติแบบอัจฉริยะสำหรับเครือข่าย Radio Access Network (RAN) จึงช่วยให้ CSP สามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานได้อย่างรอบด้าน ครอบคลุมเครือข่ายทั้งหมด

[1] รายงาน e-Economy SEA 2019, Google, Temasek และ Bain, ตุลาคม 2562