วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

สำนักงานพัฒนาพิงคนคร ขานรับนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี พร้อมเปิดแผนการดำเนินงานในปี 62

Social Share

20 มีนาคม 2562 : สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี พร้อมเปิดตัวสมาชิกใหม่ต้อนรับปิดเทอม “ลูกสมเสร็จบราซิล” สัตว์หายากและมีหนึ่งเดียวในประเทศไทยที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ณ ภัตตาคารยีราฟ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เปิดเผยว่า การดำเนินงานของสำนักงานพัฒนาพิงคนครในปัจจุบัน ได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี มุ่งเน้นในการต่อยอดทรัพยากรที่มีสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนตอบสนองยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยสร้างการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ในการดำเนินงานเพื่อสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างสูงสุด ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาสังคม การบริหารจัดการอย่างโปร่งใส การสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อมุ่งสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ด้านการศึกษา ได้ร่วมกับคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการเปิดโอกาสให้นักศึกษาใช้พื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเป็นแหล่งศึกษาวิจัย เพื่อนำเสนอโครงงานพัฒนาสื่อการตลาดเชิงบูรณาการ สำหรับนำมาใช้พัฒนาการดำเนินงานของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณภาครัฐอย่างคุ้มค่า เพื่อการศึกษาและสร้างการมีส่วนร่วมจากเยาวชนในการพัฒนาประเทศ และเร็วๆ นี้ จะมีโครงการประกวดรูปปั้นหุ่นสัตว์จากวัสดุธรรมชาติ เพื่อเป็นการโครงการศึกษาให้แก่เยาวชนในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง และนำมาประยุกต์ใช้กับการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ต่อไป

ด้านการพัฒนาสังคม ในปีนี้ได้จัดกิจกรรมเรียนรู้ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าแก่เด็กและเยาวชนที่ขาดทุนทรัพย์ โดยเปิดโอกาสให้หน่วยงานทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนกิจกรรม เพื่อเกิดความตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาสังคมร่วมกัน ซึ่งเด็กและเยาวชนเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต

ด้านการบริหารจัดการ อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้สอดรับงานด้านการบริการ และระบบบริหารจัดการภายในที่สามารถตรวจสอบได้ รวดเร็ว รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน โดยใช้ระบบการชำระเงินด้วย QR code รองรับการให้บริการผ่านระบบ E-Payment ลดการใช้เงินสด รวมทั้งตั้งเป้าการรองรับการให้บริการ ในช่องทาง We chat แก่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน

ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ได้นำสื่อออนไลน์มาใช้ในการดำเนินงานของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ และขยายฐานนักท่องเที่ยวให้มีความหลากหลาย รวมทั้งรักษาฐานลูกค้าเดิม ผ่านช่องทาง Youtube, Facebook, Line, Wechat และเว็บไซต์ ซึ่งในช่วงระหว่างวันที่ 6 – 10 มีนาคม ที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ได้เข้าร่วมงาน International Tourismus Borse 2019 (ITB 2019) ครั้งที่ 53 ณ กรุงเบอร์ลิน สหพันธ์สาธารณรัฐ โดยเป็นการเข้าร่วมงานเป็นปีที่ 3 ของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับแผนงานและนโยบายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีก็เป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติที่มาเที่ยว จ.เชียงใหม่ โดยเป้าหมายในปี 2562 นี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีจะต้องเพิ่มรายได้จาก 220 ล้านบาท จากในปีที่แล้ว ให้เป็น 250 ล้านบาท ให้ได้ ขณะที่เป้าหมายในการมาร่วมงาน International Tourismus Borse 2019 (ITB 2019) ในปีนี้ ก็เพื่อกระจายแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้นจากปัจจุบัน

โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือ การมุ่งสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน ซึ่งแนวโน้มในอนาคตประชาคมโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในเจเนเรชั่นของสัตว์ป่า มีเป้าหมายในการสร้างป่า สร้างธรรมชาติ รวมถึง สวัสดิภาพของสัตว์ป่าให้มีความเป็นอยู่ในแบบที่เขาต้องการ โดยในอนาคตสวนสัตว์เปิดจะเป็นอีกมิติใหม่ของประเทศไทย นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับประเทศชาติ และสิ่งที่ทำเวลานี้คือการสร้างสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าแก่เยาวชนและนักท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติ โดยการต่อยอดทรัพยากรที่มีสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเริ่มจากคนในพื้นที่และประชาชนชาวไทยให้มีส่วนร่วม อันนำไปสู่การตระหนักถึงความรับผิดชอบของตนต่อประเทศชาติ ซึ่งรวมถึงสังคม สัตว์ป่า และทรัพยากรธรรมชาติ ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

สำหรับการดำเนินงานของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่ ครม. เห็นชอบร่างกฤษฎีกา ในวันที่ 2 มกราคม 2562 ซึ่งมีระยะเวลา 60 วัน ในการลงพระปรมาภิไธย ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 2 มีนาคม 2562 นั้น ส่งผลให้ในขณะนี้ยังไม่มีการส่งมอบศูนย์ประชุมฯ ให้กับกรมธนารักษ์ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ก็จะดูแลการดำเนินงานตามภารกิจเดิมต่อไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน