วันเสาร์, 20 เมษายน 2567

กรมอนามัย เผยชานมไข่มุกพลังงานสูง ชี้ดูด 1 แก้ว รับพลังงานสูงถึง 360 กิโลแคลอรี แนะเลี่ยง ดีต่อสุขภาพ

Social Share

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เตือนกินชานมไข่มุกบ่อย ๆ เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน หัวใจและ     หลอดเลือด แนะประเมินร่างกายก่อนกินเนื่องจากให้ปริมาณต่อแก้วสูงถึง 360 กิโลแคลอรี หากเลี่ยงได้ก็จะดีต่อสุขภาพ

แพทย์หญิงอัมพร  เบญจพลพิทักษ์  รองอธิบดีกรมอนามัยและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า คนที่จะดื่มชานมไข่มุกต้องประเมินตนเองด้วยว่าเสี่ยงต่อภาวะอ้วนหรือไม่ เพราะหากดื่มเป็นประจำอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การเป็นโรคอ้วน  เบาหวาน  หัวใจและหลอดเลือดได้ เนื่องจากชานมไข่มุกส่วนใหญ่เป็นการเติมน้ำตาล น้ำเชื่อม นมผง ครีมเทียม และไข่มุกลงในชา ซึ่งทำให้ได้พลังงานมากขึ้นกว่า น้ำชาทั่วไปมาก โดยข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว ให้พลังงาน ประมาณ 240 – 360 กิโลแคลอรี   โดยร่างกายจะได้รับคาร์โบไฮเดรต 45 – 62 กรัม ไขมัน 0 – 14 กรัม  โปรตีน 0.4 – 2 กรัม ความแตกต่างของพลังงานและสารอาหารขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ไข่มุก นมผง และครีมเทียมที่ใส่ลงไป ซึ่งไข่มุกที่อยู่ในชานมไข่มุกนั้น ผลิตจากแป้งมันสำปะหลัง จัดอยู่ในอาหารหมวดเดียวกับแป้งและน้ำตาล โดยไข่มุก 30 กรัม ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี ซึ่งพลังงานที่ได้จากการดื่มชานมไข่มุก 1 แก้ว โดยประมาณ ใกล้เคียงกับการกินก๋วยเตี๋ยว 1 ชาม หรือเท่ากับข้าวประมาณ 3 – 4 ทัพพี

แพทย์หญิง อัมพร  กล่าวต่อไปว่า การดื่มชานมไข่มุก 1 แก้ว นั้น จะได้รับพลังงานค่อนข้างสูง เทียบเท่ากับพลังงานจากการกินอาหารปกติ 1 มื้อ โดยประมาณ และสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรงคือ น้ำตาลที่ใส่ ลงในชานมและไข่มุก ถือเป็นพลังงานสูญเปล่า (Empty Calories) คือได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว โดยไม่มีสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งหลายการศึกษาระบุว่า การได้รับน้ำตาลในปริมาณมาก ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลและระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็น   โรคอ้วน  เบาหวาน และหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ ครีมเทียมที่ใส่ลงในชานมส่วนใหญ่ผลิตจากไขมันปาล์ม ซึ่งมีกรดไขมันอิ่มตัวค่อนข้างสูง ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกัน

“หากในวันนั้นต้องการดื่มชานมไข่มุก ก็ควรคำนึงถึงพลังงานที่ได้รับ และควรลดปริมาณการบริโภคอาหารกลุ่มข้าวแป้ง และน้ำตาลจากอาหารชนิดอื่น ๆ ในมื้ออื่น ๆ ลง หรืออาจลดปริมาณน้ำตาลที่ใส่ในชานมไข่มุก และควรหลีกเลี่ยงการใส่ครีมเทียมลงในชานมไข่มุกที่สั่ง และควบคุมความถี่ในการเลือกดื่ม และไม่ควรดื่มชานมไข่มุกเป็นประจำต่อเนื่องทุกวัน  แนะนำสัปดาห์ละ 1 – 2 แก้วก็เพียงพอแล้ว และควรหมั่นออกกำลังกาย  เพื่อเป็นการเผาผลาญพลังงานที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันด้วย ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการได้พัฒนาสูตร  ชานมไข่มุกเพื่อสุขภาพ ให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคและยังส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น สูตรหวานน้อย สูตรไขมันต่ำ เป็นต้น”  รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด