วันพฤหัสบดี, 25 เมษายน 2567

ตำรวจเชียงใหม่ ร่วมกับ ปปส. และสาธารณสุข บุกค้นจับกุมสองผัวเมียขายน้ำมันกัญชา

Social Share

20 ก.ย. 62 : พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นำกำลังร่วมกับ เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล เภสัชกรชำนาญการ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ป.ป.ส. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี นำหมายค้นของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 373/2562 เข้าทำการตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่งในหมู่บ้านป่ากล้วยสุพรรณ หมู่ที่ 3 ตำบลชมภู อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ได้สืบทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวได้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันกัญชา จึงได้เข้ามาตรวจสอบก็พบ เจ้าของบ้านพร้อมภรรยา จึงแสดงหมายค้นเข้าตรวจค้น ก็เจอน้ำมันกัญชาบรรจุอยู่ในกล่องเตรียมรอจำหน่ายกว่า 30 กล่อง และพบเงินสดกว่า 3.4 ล้านบาท จึงได้ยึดไว้ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ผลิตและมียาเสพติดประเภท 5 ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เพราะได้รับแจ้งว่า บ้านหลังนี้มีการผลิตและจำหน่ายน้ำมันกัญชา จึงได้นำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้ามาตรวจสอบ ตามกฎหมายบอกว่า หากมีการปรุงแต่ง แบ่งบรรจุ ก็ถือว่าเป็นการผลิต เรื่องการมาตรวจสอบวันนี้ ก็เพราะมีคนร้องเรียนว่าญาติเสียชีวิต จึงได้เข้ามาตรวจสอบ แต่การที่ผู้เสียชีวิตนั้น เสียชีวิตจากน้ำมันกัญชาจริงหรือไม่ต้องตรวจสอบ สำหรับเรื่องน้ำมันกัญชาที่เขาสั่งเข้ามานั้น ก็ทราบแล้วว่าเขาสั่งมาจากไหน ตอนนี้ก็เก็บข้อมูลไว้แล้ว พร้อมกับติดตามเส้นทางการเงินด้วย และหากพบว่าสาเหตุของการเสียชีวิตมาจากน้ำมันกัญชา และตรงนี้เป็นแหล่งผลิต ก็สามารถใช้ พ.ร.บ.ยึดทรัพย์ตามกฎหมายได้

เภสัชกรหญิงนฤมล ขันตีกุล เภสัชกรชำนาญการ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ว่าผู้ต้องหารายนี้ได้ผลิตและจำหน่าย น้ำมันกัญชา ก็ได้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งตัวน้ำมันกัญชาหากจะไม่เข้ากลุ่มยาเสพติดจะต้องเป็นกลุ่มยา หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตรงนี้ต้องตรวจดูสาร THC จะต้องมีน้อยกว่า 0.2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพร แต่ต้องดูว่าเป็นยาสมุนไพรประเภทไหน แต่เขายังไม่ได้ขออนุญาต และการทำเป็นยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพร จะต้องรู้ส่วนผสมว่า ผสมไปเท่าไหร่อย่างไร ไม่เช่นนั้นผู้บริโภคจะไม่ทราบว่า เขาทานอะไรเข้าไป ในปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งเป็นตัวฤทธิ์ในการรักษา

คนที่ใช้มากเกินไป ก็จะมีอาการคล้ายจะเป็นลม และญาติผู้ป่วยที่เขาบอกว่า เขาได้ไปร้องกับทาง ป.ป.ส. บอกว่ามาซื้อกับสถานที่แห่งนี้แล้วนำไปกิน แต่ได้ล้มป่วย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้ามาตรวจสอบ และอยากจะฝากเตือนพี่น้องประชาชนด้วยว่า การจะซื้อยา หรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรอะไรไปทาน ก็ควรจะรู้ว่าเราทานอะไร มีผลวิจัยอย่างถูกต้อง อย่างกรณีของน้ำมันกัญชา อย่างรายนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ว่าผสมไปในปริมาณเท่าไหร่ แต่หากผู้ป่วยที่ต้องการจะใช้จริง ควรเดินเข้าไปในโรงพยาบาล ซึ่งจะมีคุณหมอ และหมอแพทย์แผนไทย ที่จะดูแลในเรื่องนี้ แล้วบอกว่าเราควรใช้ในปริมาณเท่าไหร่ และควรรักษาอย่างไร ไม่ควรไปซื้อแบบที่ขายใต้ดิน หรือขายไม่ถูกต้อง

จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองทราบว่า มีอาชีพหลักคือจำหน่ายถุงห่อผลไม้ป้องกันแมลง และอุปกรณ์ทางการเกษตร เรื่องการผลิตและใช้น้ำมันกัญชาตอนแรกก็ไม่เชื่อ แต่เพราะตนป่วย จึงได้ทดลองกับตัวเอง ก่อนที่จะนำมาผสมและใช้ ซึ่งตนได้สั่งน้ำมันกัญชามาจากจังหวัดเชียงราย ราคาครึ่งลิตร ประมาณ 1 แสนบาท แล้วนำมาผสมกับน้ำมันมะพร้าว ทดสอบสูตรต่างๆ กับตัวเอง แต่ต่อมามีคนทราบและมาติดต่อเพื่อขอให้ตนขายแอลกอฮอล์ที่ใช้สกัดให้ ตนก็บอกว่าการทำแบบนี้ผิดกฎหมาย แต่เขาก็เข้ามาถามพร้อมกับญาต จึงได้ขายแอลกอฮอล์ที่ใช้สกัดให้ไป เพราะเขาบอกว่าไปรักษาด้วยอาการคีโม ผ่าตัดและรักษาวิธีต่างๆ มาหมดแล้ว แต่ไม่ดีขึ้น เครสแรกที่ตนขายให้ไปนั้นป่วยเป็นมะเร็งสมอง หมอบอกว่าอยู่ได้ 2 เดือน แต่พอซื้อไปเขาอยู่ได้ 2 ปี ซึ่งตนไม่ได้เปิดเฟซบุ๊ค เปิดเว็บจำหน่าย แต่มีกลุ่มผู้ป่วยอยู่ และวางจำหน่ายขวดละ 1,000 บาท เมื่อเขาอาการดีขึ้นก็มีคนเข้ามาเยอะขึ้น ด้วยความที่อยากรู้ว่ารักษากับคนอื่นได้จริงไหม จึงได้ขอติดตามดูอาการของทุกคนว่าเอาไปแล้วเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ทำมา 2 ปี เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว กระทั่งถูกเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบดังกล่าว และเรื่องเงินที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ไม่ใช่เงินจากการขายน้ำมันกัญชา แต่เป็นเงินที่ขายถุงห่อผลไม้ และอุปกรณ์การเกษตร ส่วนเงินจากน้ำมันกัญชาไม่ได้อยู่ตรงนี้