วันศุกร์, 19 เมษายน 2567

ทำรูปภาพเอกสารเปลี่ยนเป็นข้อความผ่าน App Line ได้ง่ายๆ

24 พ.ค. 2019
1587
Social Share

แอปพลิเคชั่นไลน์ (Line) ทุกคนใช้งานกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนไทย ไม่ว่าจะใช้พูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว โดยเฉพาะเรื่องงาน แต่สิ่งที่ปวดหัวสำหรับคนทำงานคือ ข้อมูลบางครั้งถูกส่งมาเป็นรูปแบบของภาพถ่ายเอกสาร ต้องมานั่งพิมพ์เอกสารใหม่ ต้องวุ่นวายหาเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือต้องมานั่งพูด เพื่อให้แอปพลิเคชั่นไลน์ ที่มีระบบพิมพ์ด้วยการพูด ทำการพิมพ์เอกสารฉบับนั้นให้ใหม่ ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยากพอสมควร โดยเฉพาะคนที่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียว จะเปิดเอกสารและกลับไปพูดเพื่อให้แอปพลิเคชั่นไลน์พิมพ์ตัวหนังสือให้ หรือจะไปโหลดแอปพลิเคชั่นมาติดตั้งเพิ่ม ทุกอย่างดูจะวุ่นวายกับชีวิตการทำงานเป็นอย่างมาก

พูดกันมาซะยาวแล้ว ก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า หลายคนอาจจะทราบ และก็อาจจะยังไม่ทราบว่า แอปพลิเคชั่นไลน์ ที่มีการอัพเดตใหม่ล่าสุดไปเมื่อไม่นานมานี้ (ขึ้นอยู่กับรุ่นของเครื่องแต่ละคนที่ใช้ เพราะการอัพเดตจะไม่พร้อมกัน) เมื่ออัพเดตแล้ว สังเกตด้านบนสมาร์ทโฟน เมื่อทดลองเปิดไฟล์ภาพเอกสาร จะพบอักษรคล้ายๆ ตัว ” T ” ที่อยู่ด้านบนมุมขวา เมื่อกดไปแล้ว ก็รอสักนิด แต่ใช้เวลาไม่นาน ระบบแอปพลิเคชั่นไลน์ ก็จะแปลงเอกสารจากรูปภาพ เป็นข้อความให้ และจะทำการคัดลอกอย่างไร ตรงนี้ก็ไม่ยาก เพียงแค่กดคำว่า “ต่อไป” ก็จะได้ข้อความที่ต้องการส่งหรือคัดลอกได้แล้ว

เห็นไหมครับว่าไม่ยาก แค่กดครั้งเดียวแล้วรอ ก็ได้ข้อความแล้ว และการใช้งานไม่จำกัดเฉพาะบนสมาร์ทโฟนเท่านั้น ยังรวมถึงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ตัั้งโต๊ะ (PC) และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ก็สามารถทำได้ด้วย ซึ่งบนคอมพิวเตอร์ เมื่อเปิดไฟล์ภาพเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะอยู่ด้านล่างมุมขวา เป็นอักษร ” T ” แบบเดียวกัน และทำแบบเดียวกันกับสมาร์ทโฟน

แต่เดี๋ยวก่อน!!! สิ่งที่หลายคนเห็นอาจจะบอกว่า “ว้าวววววว” สะดวกดี แต่จุดนี้จากการทดสอบใช้งานขอแยกการทำงานเป็นสองส่วน ส่วนแรกจากการใช้บนสมาร์ทโฟน พบว่า การแปลงข้อความจะมีการตกหล่นเรื่องของตัว “สระ” บางคำที่เปลี่ยน จาก “ข” ก็จะเป็น “ช” หรือ “ซ” แม้กระทั่ง “ค” ก็อาจจะเป็น “ต” และบางบรรทัดอาจจะแปลไม่รู้เรื่องเลยทั้งบรรทัดก็มี ดังนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความคมชัดของเอกสารด้วย สำหรับการทดสอบผ่านคอมพิวเตอร์ การทดสอบก็พบลักษณะคล้ายๆ กัน แต่ในคอมพิวเตอร์ เมื่อทำการแปลจะเลือกภาษาในการแปลได้มากกว่า นั่นคือข้อดีกว่าในสมาร์ทโฟน เนื่องจากจุดที่แตกต่างคือ สมาร์ทโฟนขณะที่จะทำการแปล หรือเริ่มการใช้งาน ระบบจะให้ระบุว่าต้องการระบุตำแหน่งที่ท่านอยู่หรือไม่ เพื่อจะได้บ่งบอกว่าอยู่ในประเทศไหน ระบุการใช้งานได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่เมื่ออยู่บนคอมพิวเตอร์ ก็สามารถที่จะสลับการแปลได้ไม่ว่าจะจากภาษาไทย ไปเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นๆ เรียกได้ว่า มีข้อดีต่างกันเล็กน้อย แต่การแปลก็ยังมีจุดที่ต้องนำกลับมาแก้ไขข้อความคล้ายๆ กัน

ภาพรวมถือว่าทำให้เกิดความสะดวกในด้านการทำงานมากขึ้น ซึ่งเข้ากับสังคมในยุคปัจจุบันที่ต้องการอะไรแบบปัจจุบันทันด่วน ความรวดเร็ว แต่ทุกอย่างก็ต้องมีการตรวจสอบเพื่อความถูกต้อง อาจเสียเวลาเล็กน้อยในการตรวจสอบ แต่เชื่อว่า ยังดีกว่ามานั่งพิมพ์เอกสารทั้งหน้าแน่นอน